เมืองลึกลับกลางทะเลทรายสองพันปี |
ร่างผู้หญิงที่ขุดพบในหยวนซาเฉิง หรือเมืองทรายกลม |
ขุดพบเมืองลี้ลับ 2,200 ปี กลางทะเลทรายในซินเกียง
นักโบราณคดีจีนและฝรั่งเศสเปิดเผยการค้นพบล่าสุด เมืองโบราณลี้ลับที่จมอยู่ใต้ทะเลทรายในซินเกียง (ซินเจียง) มากว่า 2,200 ปี สันนิษฐานเคยเป็นแหล่งเกษตรที่รุ่งเรืองและถิ่นอาศัยของคนขาวในอดีต..ทีมนักโบราณคดีชาวจีนและฝรั่งเศส เผยว่า เมืองโบราณรูปลูกท้อที่ถูกขุดพบล่าสุดนี้ ตั้งอยู่ใจกลางทะเลทรายทากาลามากัน ที่กว้างใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ในเขตปกครองตนเองชนชาติอุยกูร์ ซินเจียง (ซินเกียง) ทางภาคเหนือของจีน ในบริเวณที่ชาวพื้นเมืองเรียกว่า 'หยวนซาเฉิง' หรือเนินทรายกลม (Round Sand) ทั้งยังล้อมรอบด้วยคูน้ำและซากกำแพงเมืองโบราณ
พวกเขาคาดว่า เมืองนี้หายสาบสูญไปก่อนสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก (ราว 202 ปีก่อนคริสต์ศักราช-ค.ศ.8)* อย่างไรก็ตาม ทีมนักสำรวจก็ยังไม่พบบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่จะยืนยันความเป็นมาของเมืองลี้ลับดังกล่าว
โครีน เดเบียน ฟรองฟอร์ท นักโบราณคดีชาวฝรั่งเศสชี้ว่า “กลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ในอดีตมีความเชี่ยวชาญด้านการทอผ้า จากหลักฐานทางโบราณคดีที่พบ พวกเขาเคยใช้หนังแกะและอูฐมาทำเป็นเสื้อผ้า พวกเขายังรู้จักวิธีทำสีย้อมผ้าต่างๆ อาทิ แดงสด เหลือง น้ำเงิน ม่วง ดำ ขาว และสีกาแฟ ที่ได้จากพืช แร่ธาตุ และแม้แต่จากแมลง”
ทั้งนี้ จากคูน้ำที่ขุดพบแสดงถึงระบบชลประทานที่มีการพัฒนาแล้ว ยังพบร่องรอยของเมล็ดข้าวสาลี และแหล่งเก็บผลิตผลทางการเกษตรขนาดต่างๆจำนวนมาก ทำให้เชื่อว่าเมืองโบราณนี้มีการทำกิจกรรมด้านการเกษตร นอกจากนี้ ยังสันนิษฐานว่าเมืองนี้ยังอาจเป็นแหล่งการค้าระหว่างตะวันตก และตะวันออกด้วย
จากการวิเคราะห์ภาพถ่ายผ่านดาวเทียม ระบุว่า เมืองนี้เคยปกคลุมด้วยเส้นทางน้ำหลายสายและป่าหนาทึบ ทั้งยังเป็นที่อยู่ของสัตว์มีกระดูกสันหลัง 98 ชนิด อีกประการหนึ่ง นักโบราณคดียังชี้ว่า จากการที่สายน้ำเคอรียาค่อยๆถอยร่นตามพื้นที่ที่ขยายออกของทะเลทราย และสิ่งแวดล้อมที่เลวร้ายลงเพราะการตัดไม้ ทำให้ประชาชนต้องย้ายถิ่นเพื่อความอยู่รอด นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงหายสาบสูญไปโดยไม่มีบันทึกหลงเหลืออยู่
**บางแหล่งระบุ 206 ปี
ก่อนคริสต์ศักราชค.ศ.25**
เรียบเรียงข้อมูลเพิ่มเติมโดย manman
ทั้งนี้ จากคูน้ำที่ขุดพบแสดงถึงระบบชลประทานที่มีการพัฒนาแล้ว ยังพบร่องรอยของเมล็ดข้าวสาลี และแหล่งเก็บผลิตผลทางการเกษตรขนาดต่างๆจำนวนมาก ทำให้เชื่อว่าเมืองโบราณนี้มีการทำกิจกรรมด้านการเกษตร นอกจากนี้ ยังสันนิษฐานว่าเมืองนี้ยังอาจเป็นแหล่งการค้าระหว่างตะวันตก และตะวันออกด้วย
จากการวิเคราะห์ภาพถ่ายผ่านดาวเทียม ระบุว่า เมืองนี้เคยปกคลุมด้วยเส้นทางน้ำหลายสายและป่าหนาทึบ ทั้งยังเป็นที่อยู่ของสัตว์มีกระดูกสันหลัง 98 ชนิด อีกประการหนึ่ง นักโบราณคดียังชี้ว่า จากการที่สายน้ำเคอรียาค่อยๆถอยร่นตามพื้นที่ที่ขยายออกของทะเลทราย และสิ่งแวดล้อมที่เลวร้ายลงเพราะการตัดไม้ ทำให้ประชาชนต้องย้ายถิ่นเพื่อความอยู่รอด นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงหายสาบสูญไปโดยไม่มีบันทึกหลงเหลืออยู่
**บางแหล่งระบุ 206 ปี
ก่อนคริสต์ศักราชค.ศ.25**
เรียบเรียงข้อมูลเพิ่มเติมโดย manman