1. มู ทวีปแห่งมารดร
(Ancient Mu or Lemuria)
แต่ก็มีบางแหล่งเหมือนกันครับที่ระบุว่า มูไม่ได้มีอายุยืนยาวถึงขนาดนั้น แต่ก่อตัวเมื่อประมาณ 26,000 ปีก่อนและพังพินาศลงด้วยภัยพิบัติPole shift หรือขั้วโลกพลิกเมื่อ 24,000 ปีที่ผ่านมาแล้ว สาเหตุประการหลังนี่แฟนๆเรื่อง MMR คงคุ้นๆกันอยู่
อย่างไรก็ตาม มูมิได้สูงส่งด้วยวิทยาการไฮเทคดังอาณาจักรหลังๆที่รุ่งเรืองตามมา แต่อารยธรรมของมูเป็นอารยธรรมด้านจิตวิญญาณสังคมของอาณาจักรนี้บูชาความรู้และศัรทธาโดยเฉพาะ ซึ่งต่างจากแอตแลนติสที่สัญลักษณ์ของอาณาจักรนี้คือเทคโนโลยีและนวัตกรรม เรื่องราวของมูผมเรียบเรียงเอาไว้แล้ว (และก็ยังไม่จบ -_-")ถ้าสนใจก็หาอ่านกันได้ ถ้าใครที่อยากอ่านจนจบก็รออีกหน่อยนึงนะครับ เอาเป็นว่า นางงามผู้ครองมงกุฏ Top Ten ของเราก็คืออาณาจักรมูนี่แหละ
2. แอตแลนติสโบราณ (The Ancient Atlantis)
ถึงกระนั้นคนส่วนใหญ่ก็ยังเชื่อครับ ว่าครั้งหนึ่งโลกของเรา เคยมีอาณาจักรที่สูงส่งด้วยวิทยาการแต่ประสบความพินาศเพราะภัยสงครามนามว่าแอตแลนติสอยู่จริงๆ เชื่อกันว่าอาณาจักรแอตแลนติสมีความก้าวหน้าทางวิทยาการเอามากๆ ก้าวหน้าชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อนนับแต่โบราณกาลจวบจนปัจจุบัน โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการทำลายล้างเป็นเทคโนโลยีที่เป็นตัวแทนของแอตแลนติสเลยทีเดียวครับ เหตุผลที่อาณาจักรโบรารแห่งนี้เน้นเทคโนโลยีด้านสงครามก็อาจเป็นเพราะ ต้องปกครองอาณานิคมที่กระจัดกระจายอยู่รอบโลก แถมยังต้องทำสงครามกับทวีปอื่นๆที่รุ่งเรืองมาในยุคไล่ๆกัน ตำราบางเล่มกล่าวถึงการรบกันระหว่างแอตแลนติสกับอาณาจักรทางฝั่งอินเดียโบราณไว้อย่างน่าดูชม ดูเหมือนภาษาสันสกฤตโบราณจะขนานนามของชาวแอตแลนติสว่า อัศวินหรือนักรบ อืมห์... ก็ตรงตัวดีอยู่แหละ
หลายตำนานกล่าวตรงกันว่า แอตแลนติสมาถึงจุดหายนะเพราะภัยสงคราม เนื่องจากการใช้อาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงอย่างไม่ยั้งคิดนั่นเอง จุดจบของแอตแลนติสน่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับมนุษย์เราในปัจจุบันได้ไม่มากก็น้อย ตราบที่เรายังไม่ยุติการแก้ปัญหาด้วยกำลัง หรือกระหายสงครามอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้
3. อาณาจักรโบราณแห่งชมพูทวีป (Rama Empire of India)
การเผาตำรา-ฆ่านักปราชญ์ของฉินสื่อหวง(จิ๋นซีฮ่องเต้) การเผาคัมภีร์สำคัญของอียิปต์ตามคำสั่งของผู้นำอิสลาม หนังสือโบราณของมายา อินคาหรือแม้แต่ชาวเกาะอีสเตอร์ก็ถูกชาวตะวันตกเผาทำลายสิ้น เคราะห์ดีที่ทางอินเดียยังมีสิ่งเหล่านี้เหลืออยู่อีกเยอะ อย่างน้อยก็เยอะมากพอที่จะให้คนรุ่นหลังอ้าปากค้างอย่างอัศจรรย์ใจ ในความเป็นมาและเป็นไปของอาณาจักรโบราณแห่งดินแดนภารตะนี้ได้แหละน่า
ที่ว่าไม่ธรรมดาคือการสร้างเมืองโมเฮนโจ ดาโร กับ ฮารัปปา (Harappa) นั้นดูเหลือกำลังของคนโบราณจะทำได้ เมืองทั้งเมืองถูกวางผังเอาไว้อย่างดีก่อนสร้าง ด้วยแปลนที่เหมือนกับวิศกรหย่ายสมัยศตวรรษที่ 20 เป็นคนเขียน แถมด้วยระบบระบายน้ำที่อัศจรรย์เหลือเชื่อ มัน advance ถึงขั้นที่ว่าทันสมัยและดีเยี่ยมกว่าเมืองหลวงของหลายชาติในเอเชียปัจจุบันเสียด้วยซ้ำ
4.อาณาจักรโอสิเรียน (Osirian civilization of the Mediterranean)
เอ๊ะ... แม่น้ำไนล์มาเกี่ยวอะไรด้วยงั้นเหรอครับ เรื่องมันเป็นงี้ แม่น้ำไนล์(ซึ่งในบางครั้งเรียกแม่น้ำ Styx)นั้นมีต้นกำเนิดจากทวีปอาฟริกา มีส่วนที่ไหลลงทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์ทางตอนเหนือของอียิปต์ กระแสน้ำได้พัดดินตะกอนทับถม (รวมทั้งกร่อนส่วนที่กร่อนได้) จนเกิดเป็นหุบและทะเลสาบขนาดใหญ่ขึ้น ตรงบริเวณพื้นที่ระหว่างมัลต้าและซิซิลีในปัจจุบัน ....
(ด้านซ้ายมือคือภาพขอรางยาวเหยียดบนพื้นหิน ลักษณะเหมือนรางสำหรับยานพาหนะบางประเภท อายุอานามก็หลายพันปีอยู่ครับ) |
ในวงการโบราณคดีแล้ว เป็นที่ทราบกันดีว่ามีซากเมืองจำนวนมาก(อย่างน้อยๆก็ 200 เมือง)ที่จมอยู่ใต้ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อารยธรรมของอียิปต์เก่า, มิโนอันกับไมซีเนียนแห่งครีต รวมไปถึงเมืองน้อยใหญ่ของชาวกรีกก็รวมอยู่ในจำนวนนั้นด้วย มาถึงตรงนี้บางท่านก็อาจจะงงว่าทำไมตูข้าไม่เคยได้ยินชื่อของอาณาจักรหรืออารยธรรมที่ว่านี้มาก่อน
อันนี้มีสาเหตุครับ เรื่องของเรื่องมันอยู่ที่นักคิดนักเขียนเป็นจำนวนมาก ได้เหมารวมเอาอารยธรรมโอสิเรียนให้เป็นหนึ่งในอารยธรรมของแอตแลนติส ทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่ หลักฐานที่หลงเหลือของอาณาจักรโอสิเรียนคือสิ่งก่อสร้างขนาดมหึมา ที่มีขนาดไม่แพ้มหาวิหารในบาลเบ็คของเลบานอน เสาที่หลงเหลือจากแผ่นดินไหว แนวกำแพงยาวเหยียดใต้ก้นมหาสมุทร รวมไปถึงร่อยรอยของสิ่งก่อสร้างลึกลับในเกาะมัลต้าด้วยครับ
5. อารยธรรม ณ ทะเลทรายโกบี (Uiger Civilization of Gobi Desert)
นิโคลาส โรเอริช นักสำรวจชาวรัสเซียเคยรายงานถึงการพบเห็นยานบินรูปร่างคล้ายแผ่น CD ในน่านฟ้าทางตอนเหนือของประเทศธิเบตเมื่อทศวรรษที่ 40 บางทีอาจเป็นไปได้ว่า ทายาทของอาณาจักรนี้ยังคงหลงเหลือแต่ซ่อนกายอยู่ที่ไหนสักแห่งใน Uiger area อันไพศาลทางตอนเหนือของทะเลทรายโกบีนี้ก็ได้นะครับ.....
6. เทียฮัวนาโค (Tiahunaco)
ซึ่งออกแบบไว้สำหรับป้องกันแผ่นดินไหวนั้น บอกกับเราว่า ชาวเทียฮัวนาโคมีความรู้เรื่องธรณีวิทยาและแนวแผ่นดินไหวใน Ring of Fire เป็นอย่างดี หรือความรู้เหล่านี้ได้รับมาจากบรรพชนชาวมูที่ล่วงลับไปแล้วครับ?
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของเทียฮัวนาโคก็คือสถาปัตยกรรมครับ ทุกอย่างดูมโหฬารอลังการไปหมด ลำพังแค่ขนาดก็น่าทึ่งพออยู่แล้ว พอนักโบราณคดีศึกษาลึกลงไปอีก ก็ยิ่งทึ่งหนักเข้าไปใหญ่กับเทคนิคการก่อสร้างของพวกเขา การตัดหินขนาดใหญ่ เทคนิคการใช้คอนกรีตแบบโบราณเอย ปูนพลาสเตอร์แบบผสมเอย และเขียนแปลนที่ยอดเยี่ยมอดทำให้นักโบราณคดีงุนงงไม่ได้ว่า นี่เป็นผลงานของคนเมื่อหลายพันปีที่แล้วแน่หรือ? พูดถึงเรื่องนี้ก็อดงงไม่ได้นะครับ ว่าทำไมคนโบราณชอบสร้างอะไรที่มันใหญ่โตเกินจำเป็นนัก แล้วไอ้สิ่งที่สร้างขึ้นน่ะมันก็ขัดกับเทคโนโลยีและความเป็นอยู่ของพวกเขาเสียเหลือเกิน แหละดูเหมือนว่าคนโบราณจะเป็นยังงี้กันไปซะหมด เพราะนอกจากเทียฮัวนาโคแล้ว สิ่งก่อสร้างในอียิปต์ เกาะมัลต้า หรือส่วนอื่นๆในเปรู ก็ล้วนแต่โอ่อ่าอลังการไปเหมือนๆกันหมดซะอย่างนั้น...
เพราะหินแต่ละก้อน เสาแต่ละต้นมันใหญ่โตเสียจนเหลือเชื่อว่าลำพังแรงงานมนุษย์จะจัดการกับมันได้ เสาบางต้นมีขนาดร้อยกว่าตัน บางต้นมากกว่านั้น แถมแปลนของวิหารที่นั่นก็ดูทันสมัยต่างไปจากวิหารของคนโบราณเสียด้วยนะครับ ลองทัศนารูปกำแพงและซากที่เหลือของ Puma Punku จากภาพด้านล่างดูสิ แล้วเห็นด้วยกับผมหรือเปล่า?
7. อารยธรรมายา(The Mayans)
แล้ว บรรพบุรุษชาวมายากล่าวได้ว่าปราดเปรื่องในศาสตร์สำคัญหลายๆแขนง เป็นต้นว่า ดาราศาสตร์ คณิตศาสตร์ พวกเขามีวิชาความรู้ด้านวิศวกรรมที่ยอดเยี่ยม มีการสร้างคลองส่งทำ การทำชลประทานดังที่เหลือหลักฐานอยู่ในคาบสมุทรยูคาทาน ตลอดไปจนมีสิ่งแปลกๆผิดยุคในครอบครองอยู่เป็นจำนวนมาก
เช่น เครื่องประดับที่เป็นรูปเครื่องบินปีกสามเหลี่ยม กล่องสมบัติที่รูปร่างเหมือนเครื่องส่งวิทยุ หรือแม้แต่แผนที่ดาวซึ่งระบุตำแหน่งของดวงดาวเอาไว้เมื่อสองหมื่นกว่าปีก่อนไว้อย่างแม่นยำไม่มีผิดเพี้ยน น่าทึ่งดีนะครับนักคิดนักเขียนหลายเชื่อว่าอารยธรรมมายาคือสิ่งที่หลงเหลือมาจากแอตแลนติส เนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์เอื้ออำนวยให้เชื่อเช่นนั้น
แต่บางกระแสก็ว่าไม่ใช่ เพราะระยะเวลาของอารยธรรมทั้งสองห่างกันมากโข หากชาวมายาได้รับความรู้จากอารยธรรมที่สูงส่งกว่าจริง แหล่งความรู้ดังกล่าวควรจะมาจากนอกโลกมากกว่า เพราะตำนานของชาวมายาเองก็ระบุเอาไว้เช่นนั้น (ใครยังไม่เคยอ่านก็นี่นะครับ มายามืด เรื่องราวของชาวมายาที่ผมเก็บมาจากบทความของคุณ ไอคิว'45 เมื่อนานมาแล้ว)
ภาพเปรียบเทียบยานยุคปัจจุบัน และภาพของของปากัลกษัตริย์โบราของชาวมายา กับ"พาหนะ"ที่ทรงใช้เดินทางเพื่อไปพบกับพระเจ้า |
หรือยิ่งไปกว่านั้นคือเก็บไว้ในสื่อลักษณะอื่นซึ่งเคยมีการกล่าวถึงบ่อยๆในตำนานของชาวมายา สื่อที่ว่ามีลักษณะคล้ายคริสตัลที่สามารถเข้ารหัสเก็บข้อมูลได้อย่างมหาศาลในทำนองเดียวกับ CD/DVD ในปัจจุบัน......
8. อาณาจักรของมังกรตะวันออก (Ancient China)
ชนชาติจีนที่เรียกตนเองว่าชาวฮั่นนั้น ถือเป็นแหล่งอารยธรรมโบราณที่สำคัญอีกแหล่งหนึ่งของโลก นอกจากประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายพันปีแล้ว จีนในปัจจุบันยังนับเป็นมหาอำนาจชาติหนึ่งซึ่งนับวันจะมีอิทธิพลต่อประชาคมโลกมากขึ้นตามวันและเวลา เช่นเดียวกับอารยธรรมอื่นๆ โบราณสถาน, โบราณวัตถุ
ตลอดจนบันทึกทางประวัติศาสตร์ของชาวฮั่นนั้น มีอยู่ไม่น้อยที่เชื่อมโยงกับอารยธรรมก่อนประวัติศาสตร์ ดูเหมือนว่าชาวจีนโบราณจะคุ้นเคยกันดีกับเรือที่สามารถลอยลำได้บนท้องฟ้า สนามพลังลึกลับจากพื้นโลก
รวมทั้งหลักฐานสำคัญอีกสองสามชิ้น เช่น ประติมากรรม,หยก, ถั่วลิสง ซึ่งเชื่อมอารยธรรมจีนโบราณและอารยธรรมมายาเข้าไว้ด้วยกันอย่างแนบแน่น พวกเขามีอะไรหลายอย่างเหมือนๆกันทั้งที่อยู่กันคนละซีกโลก
เป็นต้นว่าสัญลักษณ์ทางศาสนาของราชวงศ์ฉางที่ไปคล้ายกับศิลปะของชาวมายา การนิยมใช้เครื่องประดับที่ทำจากหยก ตลอดจนการบูชาเทพเสือดาวซึ่งเสือดาวของทั้งสองชนชาติไม่มีขากรรไกรล่างเหมือนกัน เป็นต้น
นักมานุษยวิทยาบางท่านถึงกับระบุลงไปเลยว่า ชาวจีนเป็นผู้เผยแพร่อารยธรรมบางส่วนให้กับมายาในช่วง 500-300 B.C. โดยอ้างอิงช่วงเวลาจากบันทึกทางประวัติศาสตร์ของจีน อันเป็นช่วงที่นักบวชชาวจีนจำนวนมากเดินทางไปทั่วแผ่นดิน เพื่อหายาอายุวัฒนะให้กับฮ่องเต้ ต่อให้ตัดเรื่องของพระเจ้าจากอวกาศหรืออารยธรรมก่อนน้ำท่วมโลกออกไป จีนก็ยังนับเป็นผู้คนพบนวัตกรรมหลายๆอย่างของโลกอยู่ดี ชาวจีนโบราณรู้จักการทำกระดาษจากเยื่อไม้, มีการใช้แว่นสายตา, เลนส์ขยาย, ธนบัตร มานับเป็นพันปี พวกเขามีเทคโนโลยีทางสงครามที่น่าทึ่ง เช่น รู้จักใช้ประโยชน์จากดินปืนมาทำปืนใหญ่, จรวด, การนำน้ำมันดิบมาทำเชื้อเพลิงในแถบซินเกียง ที่ร้ายไปกว่านั้นคือราวปี 1960 นักโบราณคดีได้ขุดพบชิ้นส่วนเครื่องโลหะจำนวนมากที่ทำจากอลูมินัม ชิ้นส่วนเหล่านี้มีอายุหลายพันปีอยู่ครับ
อ้อ... ชิ้นส่วนเหล่านี้ทำมาจากโลหะซึ่งได้มาจากกรรมวิธีที่ต้องใช้ไฟฟ้า!! หรือว่าชาวจีนก็เป็นเช่นเดียวกับอาหรับโบราณ ที่รู้จักการชุบโลหะด้วยไฟฟ้าก่อนหน้าวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ตั้งหลายพันปี เรื่องราวของแบตเตอร์รี่โบราณอายุสามพันปีหาอ่านกันได้ครับ
9. อิสราเอลกับเอธิโอเปียโบราณ (Ancient Ethiopia & Israel)
กะบาลเบ็คในเลบานอนเลยทีเดียว
นักโบราณคดีหลายคนให้ข้อสังเกตว่า อารยธรรมบริเวณนี้อาจมีต้นตอเดียวกับอาณาจักรโอสิเรียนซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกันก็เป็นได้
(โมเสสคือหนึ่งในจำนวน User ของระบบสื่อสารโบราณดังกล่าวนี้ครับ อะแฮ่ม)
จากคำบรรยายในคัมภีร์ หีบอาร์คมีลักษณะเหมือนเครื่องส่งวิทยุกำลังสูงที่มีขนาดใหญ่ ไม่แน่นะครับ เมื่อหลายพันปีก่อน อาจมีโบราณสถานซักแห่งในเอธิโอเปียที่ติดตั้งเครื่องส่งขนาดมหึมา และมีหีบอาร์คต่ออยู่ในลักษณะของเทอร์มินัลนับเป็นร้อยๆเครื่องก็ได้ ทำนองเดียวกับในวิหารของชาวอินคาที่มีท่อส่งสายสัญญาณอิเล็คทรอนิกส์ แต่นักโบราณคดีรุ่นก่อนๆไปสรุปว่ามันคือรางน้ำอย่างไรล่ะครับ
10. อาณาจักรมหาสุริยาแห่งแปซิฟิค (Aroi Sun Kingdom of the Pacific)
เชื่อกันว่าเมื่ออาณาจักรมูล่มสลายลงราว 24,000 ปีก่อน เหล่าทายาทแห่งมูได้กระจัดกระจายออกตั้งรกรากกันทั่วโลก และจุดหนึ่งคือหมู่เกาะในบริเวณนี้นั่นเอง เรื่องราวของอาณาจักรสุริยาแห่งนี้ถูกเล่าขานสืบเนื่องกันมาในชนชาติ โพลินีเซีย, มาลานีเซีย, และไมโครนิเซีย โดยเฉพาะผู้เฒ่าผู้แก่ชาวโพลินีเซียนที่ให้ข้อมูลกับนักมานุษยวิทยาถึงอาณาจักรเก่าแก่ ซึ่งปกครองแถบนั้นมาหลายพันปีก่อนหน้าที่ชาวยุโรปคนใดจะมาถึง ซึ่งก็ท่าจะมีเค้าครับ
เพราะนักสำรวจเองก็ได้พบปิระมิดตามเกาะเล็กเกาะน้อยเป็นจำนวนมาก บางเกาะมีวิหารรูปร่างประหลาดตั้งอยู่ บางแห่งที่พิสูจน์อายุด้วยคาร์บอน 14 แล้วพบว่ามีอายุย้อนหลังไปหกถึงเจ็ดพันปี เทคนิคที่ใช้ในการสร้างก็เรียกได้ว่าไม่น้อยหน้าชาวอินคาเหมือนกัน สิ่งที่น่าสังเกตประการหนึ่งคือ ชาวเกาะโบราณพวกนี้นิยมสร้างถนนขนาดใหญ่จากกลางเกาะมาสู่ชายหาดด้านใดด้านหนึ่ง จากนั้นก็สร้างรูปสลักมหึมาตามขอบถนนหรือไม่ก็บริเวณชายฝั่ง ลักษณะเดียวกับสนามบินในสิงคโปร์หรือฮ่องกงซะอย่างนั้น อ้อ...
เมื่อเจาะลึกลงไปอีกนิด นักโบราณคดีพบว่า ชาวโพลินีเซียนในนิวซีแลนด์ เกาะอีสเตอร์ ฮาวาย และตาฮิติ ล้วนมีตำนานเกี่ยวกับมนุษย์ปักษีที่สามารถเหินฟ้าเดินทางไปมาระหว่างเกาะหนึ่งไปยังอีกเกาะหนึ่งได้ ไว้ว่างๆผมจะเอาเรื่องมนุษย์ปักษีมาเขียนให้อ่านนะครับ น่าสนใจทีเดียวแหละครับ
เรียบเรียงข้อมูลเพิ่มเติมโดย manman