นักวิทยาศาสตร์พบภูเขาใต้ทะเล 4 ลูกขนาดเท่าเมืองและมีความสูงเป็น 3 เท่าของอาคารที่สูงที่สุดอยู่ในทะเลลึกนอกชายฝั่งเปรูและชิลี โดยยอดที่สูงที่สุดสูงกว่า 2.6 กิโลเมตร เผยให้เห็นว่ามหาสมุทรลึกคือพื้นที่ลึกลับจริง ๆ
นักวิทยาศาสตร์บนเรือวิจัย Falkor ของสถาบัน Schmidt Ocean Institute เพิ่งได้ค้นพบและจัดทำแผนที่ภูเขาทะเลใต้ทะเลลึกแห่งใหม่ 4 ลูกที่อยู่ห่างจากชายฝั่งเปรูและชิลีเป็นระยะทาง 460 และ 600 กม. ในระหว่างการสำรวจมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกจาก คอสตาริกาไปชิลี
โดยแห่งหนึ่งมีภูเขา 3 ลูกอยู่ด้วยกันซึ่งทั้งสามมีความสูง 1,591 เมตร, 1,644 ม. และสูง 1,873 ม. ตามลำดับ แต่ภูเขาใต้ทะเลอีกลูกหนึ่งที่อยู่โดดเดี่ยวนั้นมหึมากว่า มันสูงถึง 2,681 ม. จากก้นมหาสมุทร เพื่อเปรียบเทียบ Burj Khalifa ตึกที่สูงที่สุดในโลกของดูไบนั้นสูง 828 ม. อีกทั้งมันยังกินพื้นที่ประมาณ 450 ตารางกิโลเมตร เรียกได้ว่ามโหราฬในทุก ๆ ด้าน
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ายอดภูเขายักษ์ใต้น้ำเหล่านี้ล้วนแต่เป็นภูเขาไฟที่ดับไปแล้ว และด้วยขนาดที่ใหญ่มากนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยตามผิวน้ำมหาสมุทรโดยจะนูนขึ้นเล็กน้อยเหนือยอดเขา จนสามารถตรวจพบได้ด้วยดาวเทียม ปรากฎการณ์นี้เรียกว่า ‘ความผิดปกติของแรงโน้มถ่วง’
“การตรวจสอบความผิดปกติของแรงโน้มถ่วงเป็นวิธีการที่ดีในการมองหาจุดนูนบนแผนที่ และเมื่อเราตรวจสอบ เราก็พบภูเขาใต้ทะเลขนาดใหญ่มากเหล่านี้” John Fulmer หัวหน้าช่างเทคนิคของคณะสำรวจ กล่าว
ตามสถิติแล้วภูเขาใต้ทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือ ภูเขาไฟ Mauna Kea ที่ดับแล้วของฮาวาย ตามรายงานของสถาบันสมุทรศาสตร์วูดส์โฮล มันตั้งมีความสูงประมาณ 4,205 ม. ซึ่งเป็นความสูงตั้งแต่พื้นทะเลเลยขึ้นไปจนระดับผิวน้ำ แต่มันไม่หยุดอยู่แค่นั้น ตามข้อมูลของสำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐอเมริกา ความสูงที่แท้จริงของมันคือประมาณ 10,211 ม.เมื่อรวมกับส่วนที่โผล่พ้นน้ำแล้ว
นักวิทยาศาสตร์ประเมินว่าในมหาสมุทรลึกจะมีภูเขาใต้ทะเลมากถึง 100,000 ลูกทั่วโลก โดยคาดว่ามากกว่าครึ่งจะอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ยังไงก็ตาม มีเพียงจำนวนเล็กน้อยเท่านั้นที่ได้รับการสำรวจและทำแผนที่
การสำรวจครั้งล่าสุดนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการใหม่ชื่อ Seabed 2030 ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างแผนที่พื้นทะเลทั้งหมดของโลกภายในสิ้นทศวรรษปัจจุบัน และทีมงานคิดว่าน่าจะได้เจออะไรแปลก ๆ อีกเยอะ
“การระบุตำแหน่งภูเขาใต้ทะเลมักจะนำเราไปสู่จุดที่มีการศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพ” Jyotika Virmani ผู้อำนวยการบริหารของสถาบันมหาสมุทรชมิดต์ กล่าว "ทุกครั้งที่เราพบชุมชนก้นทะเลที่พลุกพล่านเหล่านี้ เราจะค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ที่น่าทึ่งพร้อมกับได้พัฒนาความรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตบนโลก"