4 สุดยอดคัมภีร์โบราณที่ยังเหลือรอดหลังอาณาจักรมายาล่มสลาย
ชาวมายาโบราณที่รุ่งเรืองอยู่ในป่าฝนของทวีปอเมริกากลางแถบประเทศเม็กซิโกและกัวเตมาลา เป็นหนึ่งในชนเผ่าที่มีระบบการเขียนที่ซับซ้อน พวกเขาเป็นนักดาราศาสตร์ที่เก่งกาจ รู้จักการคำนวณหาคาบดิถีของดวงดาวต่างๆ บนท้องฟ้า
จนได้ตัวเลขออกมาอย่างแม่นยำ หลักฐานที่ทำให้นักโบราณคดีทราบเกี่ยวกับความสามารถอันน่าทึ่งของชาวมายาโบราณก็คือ จารึกในอักขระเฮียโรกลิฟฟิคที่ดูซับซ้อนและเข้าใจยากที่ชาวมายาโบราณนิยมสลักเอาไว้บนผนังวิหารในรูปทรงของตารางหมากรุก ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ถึงอย่างนั้นนักมายันวิทยาก็ยังไม่สามารถอ่านอักขระเหล่านี้ได้ครบถ้วนทั้งหมดแต่อย่างใด
แต่อักขระที่บันทึกเกี่ยวกับการคำนวณและดาราศาสตร์อันซับซ้อน รวมทั้งพิธีกรรมของชาวมายาโบราณก็ไม่ได้ปรากฏเพียงแค่บนผนังวิหารหรือสุสานเท่านั้น ไม่ต่างจากชาวอียิปต์โบราณที่มีการจดบันทึกลงบนกระดาษปาปิรัส ชาวมายาโบราณก็มีกระดาษเช่นกัน ทว่า กระดาษของพวกเขาทำมาจากเปลือกไม้ ในตอนแรกนักมายันวิทยาเสนอว่า ชาวมายาโบราณใช้เส้นใยจากต้นมาเกย์ (Maguey)
ซึ่งเป็นพืชอวบน้ำตระกูลเดียวกับว่านหางจระเข้มาผลิตเป็นกระดาษ แต่เมื่อทำการวิเคราะห์เพิ่มเติมด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์แล้วก็พบว่า จริงๆ แล้วกระดาษที่ใช้เขียน “คัมภีร์” ของชาวมายาโบราณนั้น ส่วนใหญ่ผลิตขึ้นมาจากเปลือกไม้ของต้นมะเดื่อ (Fig) เสียมากกว่า หลังจากนั้นก็จะมีการเคลือบปูนขาวไว้ที่ผิวไม้ก่อนที่จะลงมือเขียนด้วยหมึกสีต่างๆ โดยเฉพาะสีดำที่ผลิตจากเขม่าและสีแดงจากแร่เฮมาไทต์ (Hematite) นอกจากนั้นยังมีการใช้สีที่สดใสอื่นๆ อย่างเช่นสีฟ้า สีเขียวและสีเหลืองในคัมภีร์เปลือกไม้ของชาวมายาด้วยเช่นกัน
คัมภีร์ของชาวมายาถูกเรียกว่า “โคเด็กซ์” (Codex) มาจากภาษาลาตินว่า “caudex” หมายความถึงลำต้นของต้นไม้ ซึ่งก็คือ วัสดุตั้งต้นที่ใช้ผลิตกระดาษนั่นเอง ในอดีต ชาวมายาโบราณจดบันทึกองค์ความรู้ต่างๆ ลงไปในคัมภีร์เปลือกไม้เช่นนี้จำนวนมาก แต่จนแล้วจนรอดนักมายันวิทยาพบว่า มีคัมภีร์ที่เหลือรอดหลังจากที่อาณาจักรมายาโบราณล่มสลายลงไปเพียงแค่ 4 ฉบับเท่านั้นเอง ผู้ที่ทำลายคัมภีร์ของชาวมายาโบราณก็คือ ชาวสเปนที่บุกเข้าไปในช่วงของการล่าอาณานิคม เมื่อพวกเขาได้เห็นชาวมายาโบราณศรัทธาในศาสตร์นอกรีต
จึงได้นำคัมภีร์ที่เก็บงำองค์ความรู้มหาศาลของชาวมายาโบราณมาเผาทิ้งจนเกือบหมดสิ้น (แต่ก็โชคดีที่คัมภีร์ยังคงหลงเหลือมาถึงปัจจุบัน 4 ฉบับ) แต่ถึงอย่างนั้นก็จินตนาการได้ไม่ยากเลยว่า ศาสตร์โบราณที่ชาวมายาเคยบันทึกเอาไว้เมื่อหลายพันปีก่อนนั้น ได้สูญสลายหายไปกับกองเพลิงที่ชาวสเปนได้จุดขึ้นมา ในช่วงของการล่าอาณานิคมเรียบร้อยแล้ว
เมื่อนักมายันวิทยาตรวจสอบคัมภีร์ 4 ฉบับเท่าที่เหลือก็พบว่า คัมภีร์ของชาวมายาโบราณนั้น เขียนบนกระดาษรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตั้ง สูงราว 23 เซนติเมตร กว้างราว 10 เซนติเมตร พับทบกันไปมาเป็นชั้นๆ ในรูปแบบที่คล้ายกับหีบเพลง คัมภีร์บางฉบับเมื่อคลี่ออกมาแล้วมีความยาวถึงกว่า 3 เมตร ด้านในปรากฏอักขระมายาโบราณและภาพประกอบที่บางภาพก็ลงสีสันเอาไว้อย่างสวยงาม นอกจากนั้นยังมีตัวเลขและปฏิทินตามแบบฉบับของชาวมายาโบราณปรากฏอยู่ด้วยเช่นกัน คัมภีร์ 4 ฉบับที่ยังคงหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบันมีดังนี้
1.☼ คัมภีร์เดรสเดิน (Dresden Codex)
เป็นคัมภีร์ที่เสนอกันว่า มีความสมบูรณ์มากที่สุดในบรรดาคัมภีร์ทั้ง 4 ฉบับที่ยังคงหลงเหลือรอดมาจนถึงปัจจุบัน คัมภีร์ฉบับนี้ปรากฏที่ห้องสมุดของเมืองเดรสเดิน ประเทศเยอรมนี เมื่อปี ค.ศ. 1739 มันถูกซื้อต่อมาจากนักสะสมท่านหนึ่งในเวียนนา คัมภีร์ฉบับนี้มีทั้งหมด 39 หน้า พับทบกันไปมาคล้ายหีบเพลง เมื่อคลี่ออกมาก็พบว่า มันมีความยาวถึง 3.5 เมตรเลยทีเดียว นักมายันวิทยาตรวจสอบคัมภีร์เดรสเดิน พบว่าอาลักษณ์ที่แสดงฝีไม้ลายมือเขียนอักขระมายาโบราณลงไปบนคัมภีร์นี้มีด้วยกันทั้งหมด 8 ท่าน คัมภีร์นี้น่าจะมีความเก่าแก่อยู่ในช่วงประมาณปี ค.ศ. 1000 ถึง ค.ศ. 1200 หรือในช่วงยุคหลังคลาสสิก (Post-Classic Period) ของชาวมายาโบราณ เนื้อหาส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับองค์ความรู้ทางด้านดาราศาสตร์ โดยเฉพาะวันและปฏิทินที่แสดงให้เห็นถึงวันที่เหมาะสมในการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ อีกทั้งยังพูดถึงศาสตร์ของการเยียวยารักษาอีกด้วย
(ส่วนหนึ่งของคัมภีร์เดรสเดินแสดงภาพของตัวเลข ปฏิทิน และเทพเจ้าตามความเชื่อของชาวมายาโบราณ)
เป็นคัมภีร์ที่เสนอกันว่า มีความสมบูรณ์มากที่สุดในบรรดาคัมภีร์ทั้ง 4 ฉบับที่ยังคงหลงเหลือรอดมาจนถึงปัจจุบัน คัมภีร์ฉบับนี้ปรากฏที่ห้องสมุดของเมืองเดรสเดิน ประเทศเยอรมนี เมื่อปี ค.ศ. 1739 มันถูกซื้อต่อมาจากนักสะสมท่านหนึ่งในเวียนนา คัมภีร์ฉบับนี้มีทั้งหมด 39 หน้า พับทบกันไปมาคล้ายหีบเพลง เมื่อคลี่ออกมาก็พบว่า มันมีความยาวถึง 3.5 เมตรเลยทีเดียว นักมายันวิทยาตรวจสอบคัมภีร์เดรสเดิน พบว่าอาลักษณ์ที่แสดงฝีไม้ลายมือเขียนอักขระมายาโบราณลงไปบนคัมภีร์นี้มีด้วยกันทั้งหมด 8 ท่าน คัมภีร์นี้น่าจะมีความเก่าแก่อยู่ในช่วงประมาณปี ค.ศ. 1000 ถึง ค.ศ. 1200 หรือในช่วงยุคหลังคลาสสิก (Post-Classic Period) ของชาวมายาโบราณ เนื้อหาส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับองค์ความรู้ทางด้านดาราศาสตร์ โดยเฉพาะวันและปฏิทินที่แสดงให้เห็นถึงวันที่เหมาะสมในการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ อีกทั้งยังพูดถึงศาสตร์ของการเยียวยารักษาอีกด้วย
(ส่วนหนึ่งของคัมภีร์เดรสเดินแสดงภาพของตัวเลข ปฏิทิน และเทพเจ้าตามความเชื่อของชาวมายาโบราณ)
2.☼ คัมภีร์ปารีส (Paris Codex)
ค้นพบเมื่อปี ค.ศ. 1859 ในมุมที่เต็มไปด้วยฝุ่นของห้องสมุดเมืองปารีส นักมายันวิทยาพบว่า คัมภีร์ฉบับนี้ไม่ได้ครบถ้วนสมบูรณ์เหมือนคัมภีร์เดรสเดิน เท่าที่ค้นพบก็มีเนื้อหาอยู่ทั้งหมด 11 แผ่น โดยมีอักขระมายาโบราณจารึกเอาไว้ทั้งสองด้าน นักมายันวิทยายังไม่แน่ใจว่าคัมภีร์ฉบับนี้จะมีความเก่าแก่ย้อนกลับไปได้ถึงสมัยไหน บ้างก็เสนอว่า อาจจะเก่าแก่ถึงช่วงยุคคลาสสิก (Classic Period) ซึ่งก็คือเก่าแก่กว่าปี ค.ศ. 900 แต่บางท่านก็เสนอว่า อาจจะเก่าแก่แค่ในยุคหลังคลาสสิก ก็คือ อาจจะร่วมสมัยกับคัมภีร์เดรสเดินก็เป็นได้ เนื้อหาที่บันทึกเอาไว้ในคัมภีร์เกี่ยวข้องกับองค์ความรู้ทางด้านดาราศาสตร์ พิธีกรรมและงานเฉลิมฉลอง วันที่ ปฏิทิน และยังมีบันทึกถึงข้อมูลทางประวัติศาสตร์ รวมถึงตำนานที่เกี่ยวกับเทพเจ้าของชาวมายาโบราณด้วย
ค้นพบเมื่อปี ค.ศ. 1859 ในมุมที่เต็มไปด้วยฝุ่นของห้องสมุดเมืองปารีส นักมายันวิทยาพบว่า คัมภีร์ฉบับนี้ไม่ได้ครบถ้วนสมบูรณ์เหมือนคัมภีร์เดรสเดิน เท่าที่ค้นพบก็มีเนื้อหาอยู่ทั้งหมด 11 แผ่น โดยมีอักขระมายาโบราณจารึกเอาไว้ทั้งสองด้าน นักมายันวิทยายังไม่แน่ใจว่าคัมภีร์ฉบับนี้จะมีความเก่าแก่ย้อนกลับไปได้ถึงสมัยไหน บ้างก็เสนอว่า อาจจะเก่าแก่ถึงช่วงยุคคลาสสิก (Classic Period) ซึ่งก็คือเก่าแก่กว่าปี ค.ศ. 900 แต่บางท่านก็เสนอว่า อาจจะเก่าแก่แค่ในยุคหลังคลาสสิก ก็คือ อาจจะร่วมสมัยกับคัมภีร์เดรสเดินก็เป็นได้ เนื้อหาที่บันทึกเอาไว้ในคัมภีร์เกี่ยวข้องกับองค์ความรู้ทางด้านดาราศาสตร์ พิธีกรรมและงานเฉลิมฉลอง วันที่ ปฏิทิน และยังมีบันทึกถึงข้อมูลทางประวัติศาสตร์ รวมถึงตำนานที่เกี่ยวกับเทพเจ้าของชาวมายาโบราณด้วย
(ส่วนหนึ่งของคัมภีร์ปารีสแสดงภาพเทพเจ้าและตัวเลขที่ดูเข้าใจยาก)
3.☼ คัมภีร์มาดริด (Madrid Codex)
เป็นคัมภีร์ที่แยกมาเป็นสองส่วนเมื่อแรกค้นพบ ตอนแรกนักวิชาการคิดว่า มันอาจจะเป็นคัมภีร์คนละฉบับกัน สุดท้ายในปี ค.ศ. 1888 ก็ได้ถูกนำมารวมเป็นฉบับเดียวกันจนได้ คัมภีร์ฉบับนี้ถูกระบุอายุได้ในช่วงยุคหลังคลาสสิก ประมาณปี ค.ศ. 1400 หรือไม่ก็อาจจะใหม่กว่านั้น ข้อมูลจากคัมภีร์พอจะทำให้ทราบว่า มีอาลักษณ์ถึง 9 คนที่จดบันทึกข้อมูลลงไป เนื้อหาส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับดาราศาสตร์ โหราศาสตร์ เทพเจ้า นอกจากนั้นยังพูดถึงพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับวันปีใหม่ของชาวมายาโบราณอีกด้วย
เป็นคัมภีร์ที่แยกมาเป็นสองส่วนเมื่อแรกค้นพบ ตอนแรกนักวิชาการคิดว่า มันอาจจะเป็นคัมภีร์คนละฉบับกัน สุดท้ายในปี ค.ศ. 1888 ก็ได้ถูกนำมารวมเป็นฉบับเดียวกันจนได้ คัมภีร์ฉบับนี้ถูกระบุอายุได้ในช่วงยุคหลังคลาสสิก ประมาณปี ค.ศ. 1400 หรือไม่ก็อาจจะใหม่กว่านั้น ข้อมูลจากคัมภีร์พอจะทำให้ทราบว่า มีอาลักษณ์ถึง 9 คนที่จดบันทึกข้อมูลลงไป เนื้อหาส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับดาราศาสตร์ โหราศาสตร์ เทพเจ้า นอกจากนั้นยังพูดถึงพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับวันปีใหม่ของชาวมายาโบราณอีกด้วย
(ส่วนหนึ่งของคัมภีร์มาดริดแสดง
ภาพเทพเจ้าและสัตว์หน้าตาแปลกประหลาดลงสีสันสวยงาม)
4.☼ คัมภีร์โกรเลียร์
เนื้อหาของคัมภีร์โกรเลียร์เกี่ยวข้องกับดาราศาสตร์ โดยเฉพาะการเคลื่อนที่ของดาวศุกร์ที่ชาวมายาโบราณใช้แทนสัญลักษณ์ในการลั่นกลองรบ ...
เนื้อหาของคัมภีร์โกรเลียร์เกี่ยวข้องกับดาราศาสตร์ โดยเฉพาะการเคลื่อนที่ของดาวศุกร์ที่ชาวมายาโบราณใช้แทนสัญลักษณ์ในการลั่นกลองรบ ...
คัมภีร์ฉบับนี้เคยถูกเสนอว่า อาจจะเป็นของปลอมที่เพิ่งถูกทำขึ้นมาใหม่ แต่ล่าสุดได้รับการตรวจสอบและยืนยันแล้วว่า คัมภีร์โกรเลียร์เป็นของแท้ที่ชาวมายาโบราณเป็นผู้รังสรรค์ขึ้นมาเอง เมื่อหลายร้อยปีก่อนอย่างแน่นอน..../*
👉(ภาพจากคัมภีร์โกรเลียร์ หน้าที่ 7 คัมภีร์นี้ถูกเสนอว่า อาจจะเป็นของปลอม แต่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นของแท้แน่นอน)