ในช่วงยุคกลาง (Middle Aga) มีการนำเอา เทรนเชอร์ (Trenchers; เขียง) ที่ทำจากแป้งหนาและหยาบมาใช้เป็นจานใส่อาหาร หลังจากกินเสร็จแล้วก็จะนำเอาเทรนเชอร์ไปให้สุนัขหรือขอทาน หรือบางครั้งเจ้าของก็อาจจะกินเสียเอง (or eaten by the diner) – เทรนเชอร์ถือเป็นต้นแบบของแซนดิช (Sandwich)
ต้นกำเนิดวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงมาสู่แซนวิชของชาวอังกฤษนั้น พบว่ามาจากในช่วงศตวรรษที่ 17 ในประเทศฮอลแลนด์ ซึ่งนักธรรมชาติวิทยา (Naturalist) ที่ชื่อ จอห์น เรย์ (John Ray) ได้ลองทำตาม (Observe) โรงขายเหล้า (Tavern) ที่แขวนเนื้อวัวไว้กับคาน (Rafter) แล้วแล่เนื้อเป็นชิ้นบางๆ นำไปกินคู่กับขนมปังและเนย โดยวางเนื้อที่แล่ออกมาลงบนเนย
ข่าวลือดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ในหนังสือชื่อ Pierre-Jean Grosley’s Londres (Neichatel, 1770) และถูกแปลมาเป็น A Tour to London 1772 – ซึ่งกรอสเลย์ (Grosley) ได้มารู้จักกับอาหารชนิดนี้และเกิดความความประทับใจ ในช่วงที่เขามาอยู่ลอนดอนในปี 1765 – นอกจากนี้ เอ็น.เอ.เอ็ม ร๊อดเจอร์ (N.A.M. Rodger) ได้นำเข้ามาใช้ในกิจการราชนาวี แล้วจึงแพร่หลายเข้ามาสู่โต๊ะอาหารของคนทั่วไปในที่สุด
ความนิยมในการกินแซนวิชในประเทศสเปนและอังกฤษเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในระหว่าง
ความเป็นมาของแซนวิช (Sandwich)
ศตวรรษที่ 19 เมื่อสังคมเปลี่ยนมาสู่สังคมอุตสาหกรรม เนื่องจากเป็นอาหารที่ทำได้เร็ว, สะดวกและราคาไม่แพง และในเวลาเดียวกัน แซนวิชก็เริ่มเป็นที่รู้จักในหลายประเทศนอกทวีปยุโรป จนกระทั่งในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ขนมปังกลายมาเป็นอาหารหลักของชาวอเมริกัน แซนวิชก็กลายมาเป็นอาหารชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยม นอกจากนี้ความนิยมของแซนวิชยังได้แพร่ขยายไปจนถึงแถบเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean) อีกด้วย
เรียบเรียงข้อมูลเพิ่มเติมโดย manamn