อาชีพแปลกๆของชาวเขา Kulung กับการไต่หน้าผาล่ารังผึ้งยักษ์หิมาลัยภารกิจเสี่ยงตายสุดท้าทายของ ชาวเขาเนปาล
ชาว Kulung จึงมีความเชี่ยวชาญและสืบทอดกรรมวิธีเก็บรังผึ้งหน้าผาหิมาลัยมาอย่างต่อเนื่องเป็นอาชีพที่เสี่ยงตายมากๆเลยนะครับกับการที่ต้องไปนผาไปตีผึ้งเพื่อจะเอาน้ำหวานแต่พึ่งชนิดนี้เขาเรียกว่าผึ้งยักษ์ Himalayan giant honey bee บอกได้ว่าถ้าไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ในการเก็บรังผึ้งชนิดนี้มีแต่จะจะตายกับตายเท่านั้นในจะปีนหน้าผาสูงชันไหนจะเสี่ยงกับการถูกผึ้งยักษ์ต่อยไม่คุ้มกันเลยนะครับสำหรับใครที่อยากจะทำอาชีพนี้ปล่อยให้ชาวชาว Kulung จึงมีความเชี่ยวชาญเขาทำอาชีพนี้ไปเถอะครับ😂
การเก็บรังผึ้งบนต้นไม้เป็นงานที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมากโดยเฉพาะการเก็บรังผึ้งป่าบนต้นไม้สูงในป่าลึกจะยิ่งท้าทายความสามารถเพราะหากพลาดอาจถูกผึ้งต่อยตกต้นไม้ตายหรือถูกผึ้งรุมต่อยจนบาดเจ็บสาหัส
ก็มีปรากฏให้เห็นอยู่บ่อยๆ แต่สำหรับชาวเขาแถบภูเขาหิมาลัยการเก็บรังผึ้งบนต้นไม้กลายเป็นเรื่องเด็กๆไปเลยเพราะการเก็บรังผึ้งของพวกเขาต้องไต่หน้าผาหินบนยอดเขาสูงลิบเพื่อไปเอารังผึ้งขนาดใหญ่มากและมีน้ำผึ้งชนิดพิเศษอันเป็นภารกิจที่เสี่ยงตายและท้าทายมากกว่ากันหลายเท่านัก
🐝ผึ้งสายพันธุ์ Apis laboriosa หรือที่เรียกกันว่า Himalayan giant honey bee เป็นผึ้งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ตัวโตเต็มที่อาจยาวได้ถึง 3 เซนติเมตรซึ่งใหญ่กว่าผึ้งหลวงที่ถือว่าตัวโตที่สุดในประเทศไทยเกือบเท่าตัว
ผึ้งชนิดนี้ทำรังที่ระดับความสูง 2,500 – 3,000 เมตร มันจะสร้างรังรูปพระจันทร์เสี้ยวขนาดใหญ่มากบางรังยาวถึง 1.8 เมตรแขวนอยู่ใต้เพดานหินที่ยื่นออกมาของหน้าผาแนวตั้ง
รังหนึ่งสามารถบรรจุน้ำผึ้งได้มากถึง 60 กก. จากพฤติกรรมการทำรังที่แปลกประหลาดนี้บางครั้งพวกมันจึงถูกเรียกว่า “ผึ้งหน้าผาหิมาลัย” (Himalayan cliff honey bee)
🐝ผึ้งหน้าผาหิมาลัยสามารถหาอาหารได้ถึงระดับความสูง 4,000 เมตร น้ำผึ้งจากรังของพวกมันมีหลายประเภทขึ้นอยู่กับฤดูกาลและระดับความสูงของดอกไม้ที่ผลิตน้ำหวานให้พวกมันกิน ในช่วงฤดูใบไม้ผลิพวกมันจะพาไปกินน้ำหวานของดอกกุหลาบพันปี (Rhododendron)
สีแดงสดที่กำลังบานสะพรั่งระหว่างเดือนมีนาคมและเมษายนบนเนินเขาตลอดหุบเขา Hongu ของประเทศเนปาล สารพิษจากดอกกุหลาบพันปีส่งผลให้น้ำผึ้งมีฤทธิ์ทางจิตประสาทของผู้ที่ได้ดื่มกินให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มเมามายจนถูกเรียกว่า “น้ำผึ้งเมา” คนทั่วไปกินเข้าไปเพียง 2 – 3 ช้อนชาอาจทำให้ฟิน (เมา)
ไปเป็นวันและนั่นทำให้มันเป็นที่ต้องการและมีราคาสูงถึง 5,000 บาท/กก. หรือราว 6 เท่าของราคาน้ำผึ้งทั่วไปในเนปาล
🐝ชาวเขาเผ่า Kulung ทางตะวันออกของประเทศเนปาลมีความผูกพันกับผึ้งหน้าผาหิมาลัยมาอย่างยาวนาน พวกเขาใช้น้ำผึ้งเป็นยาแก้ไอและยาฆ่าเชื้อมานานหลายศตวรรษ นอกจากนี้ยังใช้ขี้ผึ้งสำหรับการหล่อรูปปั้นสำริดของเทพเจ้าและเทพธิดากันอย่างแพร่หลาย
ชาว Kulung จึงมีความเชี่ยวชาญและสืบทอดกรรมวิธีเก็บรังผึ้งหน้าผาหิมาลัยมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับพวกเขาแล้วการไต่หน้าผาไปล่ารังผึ้งเป็นทั้งเกมกีฬาและอาชีพ แต่คนที่จะเป็นนักล่ารังผึ้งยักษ์หิมาลัยจะต้องมีร่างกายแข็งแรงและได้รับการฝึกฝนจนเชี่ยวชาญในเทคนิคการไต่เขาเข้าไปเอารังผึ้งและที่ขาดไม่ได้ก็คือเวทมนตร์คาถาที่จะใช้กำราบมิให้เจ้าของรังทำร้ายเอาได้
🐝เมื่อถึงฤดูเก็บรังผึ้งซึ่งมีเพียงปีละ 2 ครั้งทีมล่ารังผึ้งต้องเดินไต่เขาสูงชันขึ้นไปจนถึงยอดหน้าผาก่อนจะหย่อนบันไดเชือกแล้วไต่ลงไปหารังผึ้งพร้อมกับเครื่องมือสำคัญคือลำไม้ไผ่ขนาดยาวกว่า 8 เมตร เมื่อลงมาใกล้กับรังผึ้งนักล่าจะสุมควันไฟใช้ลำไผ่แหย่ไปที่รังผึ้งเพื่อไล่ให้ผึ้งบินออกจากรัง
จากนั้นจึงทำการตัดเอารังผึ้งออกมาใส่ภาชนะที่ผูกเชือกสำหรับดึงขึ้นไปโดยใช้ลำไผ่เป็นเครื่องมือสำคัญ งานทั้งหมดนี้ต้องทำในขณะยืนบนบันไดเชือกห้อยอยู่ในอากาศสูงหลายร้อยเมตรท่ามกลางผึ้งยักษ์นับพันที่บินว่อนอยู่รอบตัวซึ่งหากพลาดตกลงไปคือตายสถานเดียว การเก็บรังผึ้งหน้าผาหิมาลัยเป็นงานเสี่ยงตายสุดหินจึงมีนักล่าอาชีพเหลืออยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
🐝ปัจจุบันการเก็บรังผึ้งหน้าผาหิมาลัยกลายเป็นกิจกรรมการท่องเที่ยวที่เปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าร่วมทริปชมวิถีชีวิตชาว Kulung และร่วมอยู่ในบรรยากาศการล่ารังผึ้งที่น่าตื่นเต้นหวาดเสียวลุ้นระทึกสุดขีดที่หาชมได้ยากมาก รวมทั้งได้ลิ้มรสและฟินกับน้ำผึ้งเมาอย่างจุใจ หากสนใจจริงๆคุณจะต้องเตรียมเงินค่าทริปนี้ถึงราว 3,000 ดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว
😂เป็นอาชีพที่เสี่ยงแต่รายได้ดีดูในภาพแล้วรู้สิ่งตายมากเลยนะครับกับการตีผึ้งยักษ์ชนิดนี้แค่ปีนเขาหน้าผาก็จะหัวใจวายอยู่แล้วอันนี้ยังมาตีผึ้งยักษ์อีกพลาดพลั้งอาจตายได้ทุกเวลา