แต่สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้อายุของมันก็คือ วิธีที่มันลอยอยู่ในน้ำคือการลอยเป็นแนวตั้ง
ความเป็นมาของชายชราแห่งทะเลสาบ ต้องย้อนกลับไปนานถึงปี ค.ศ. 1896 หลังจากที่ โจเซป ดิลเลอร์ นักธรณีวิทยาและนักสำรวจได้บอกเล่าเรื่องราวถึงขอนไม้สีขาวขนาดใหญ่ที่แตกหักลอยอยู่ในทะเลสาบเครเตอร์ที่เขาพบโดยบังเอิญ
5 ปีต่อมา ดิลเลอร์ได้พบว่า ขอนไม้แปลก ๆ นี้ได้เคลื่อนย้ายจากตำแหน่งเดิมไปประมาณ 400 เมตร นั่นทำให้ดิลเลอร์เริ่มทำการศึกษามันอย่างจริงจัง และเขาก็พบว่ามันสามารถเคลื่อนย้ายตำแหน่งได้มากกว่า 400 เมตรภายในเวลาแค่วันเดียว ส่วนวิธีที่มันเคลื่อนย้ายตัวเองนั้นยังคงเป็นปริศนา แม้ว่ากระแสน้ำในทะเลสาบจะนิ่งสนิทก็ตาม
จากการศึกษาคาร์บอนของเนื้อไม้ก็พบว่า ขอนไม้ดังกล่าวมีอายุอย่างน้อย 450 ปี และมันใช้เวลาลอยอยู่ในทะเลสาบที่ลึกที่สุดของสหรัฐอเมริกามาอย่างน้อย 120 ปีแล้ว ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ขอนไม้ลึกลับนี้ลงมาลอยในน้ำได้เนื่องจากปรากฏการณ์ดินถล่ม แต่ทำไมมันถึงลอยเป็นแนวตั้งนั้น ยังไม่มีใครที่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้
ตามกฏของฟิสิกส์เกี่ยวกับจุดศูนย์ถ่วงและแรงลอยตัว เป็นเหตุผลที่ทำให้ขอนไม้มักจะลอยน้ำเป็นแนวนอน แต่สำหรับ “ชายชราแห่งทะเลสาบ” ที่มีความยาวถึง 9 เมตร และมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 61 เซนติเมตร กลับลอยน้ำเป็นแนวตั้งได้นานนับร้อยปี บริเวณปลายขอนไม้ที่ผุกร่อน แต่ยังมีขนาดกว้างและลอยตัวได้มากพอจนรองรับให้คนขึ้นไปยืนได้อย่างเหลือเชื่อ
นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่า มันเป็นความสมดุลระหว่างส่วนที่แห้งและส่วนที่จมน้ำอยู่ ทฤษฎีที่พอเป็นไปได้มากที่สุดคือ ขอนไม้นี้ลอยไปมาอยู่นานนับศตวรรษ รากของมันอาจไปพันเข้ากับก้อนหินเข้าจนถ่วงให้ฝั่งหนึ่งจมน้ำ เมื่อเวลาผ่านไป ก้อนหินอาจหลุดออกมาจากราก ส่วนขอนไม้ส่วนที่จมน้ำก็เริ่มหนักขึ้นจากการดูดซับน้ำเข้าไป จนทำให้มันมีน้ำหนักมากกว่าส่วนที่แห้งนั่นเอง
ในช่วงทศวรรษที่ 80 ทีมนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งที่มาทำการสำรวจทะเลสาบได้ตัดสินใจมัดขอนไม้นี้เอาไว้ที่เกาะ ๆ หนึ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุจากเดินเรือระหว่างทำงานวิจัยของพวกเขา แต่หลังจากที่ “ชายชราแห่งทะเลสาบ” ถูกตรึงเอาไว้ สภาพอากาศในบริเวณนั้นก็แปรปรวน จากอากาศที่แจ่มใส จู่ ๆ ก็เกิดพายุ และเริ่มมีหิมะตกในเวลาต่อมา ทั้ง ๆ ที่ในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นเดือนสิงหาคม และหลังจากนั้นไม่นาน เมื่อขอนไม้ถูกปล่อย สภาพอากาศก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
ปัจจุบัน “ชายชราแห่งทะเลสาบ” ยังคงเป็นปริศนาที่ทำให้ทะเลสาบเครเตอร์กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจแห่งหนึ่งในรัฐโอเรกอน
ที่มา : odditycentral