Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2563

ตะลึงค้นพบพระราชวังสมัยราชวงศ์หยวนใต้ดินลึกลงไป 3 เมตรของพระราชวังต้องห้ามในปัจจุบัน

ไขข้อสงสัยกว่าพันปีของ
นักประวัติศาสตร์
เป็นปริศนามาตลอดพันกว่าปีว่า “พระราชวังต้าตู” ของกุบไลข่านอยู่ ณ ที่แห่งใด เพราะหลังจากราชวงศ์หยวนล่มสลายไปก็ไม่มีหลักฐานอะไรสามารถระบุได้ นอกจากงานบันทึกของนักเดินทางชาวเวนิสนาม “มาร์โค โปโล” 
เมื่อศตวรรษที่ 13 ซึ่งครั้งหนึ่งเมื่อครั้งถนนทุกสายมุ่งตรงมายังต้าตูเขาเคยมาทำงานอยู่ในวังของกุบไลข่าน มาร์โค โปโลระบุถึงลักษณะพระราชวังไว้สั้นๆ ว่าประดับไปด้วยทองคำและเงิน มีห้องโถงขนาดมโหฬารที่สามารถจุคนได้กว่า 6,000 คน.....
ซึ่งเรื่องบอกเล่านี้ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่ามีอยู่จริง ไม่มีใครรู้ว่าราชวงศ์หยวนที่ปกครองอยู่ในช่วค.ศ.1279-1368 จริงๆ แล้วหน้าตาเป็นอย่างไร

จากบันทึกของนักประวัติศาสตร์ระบุว่า พระราชวังต้าตูของราชวงศ์หยวนถูกจักรพรรดิองค์สุดท้ายสละทิ้งหนีไป เพราะกลุ่มกบฏของจูหยวนจางที่บุกเข้ามายึดปักกิ่ง 
และสถาปนาราชวงศ์หมิงใศตวรรษที่ 14

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่าพระราชวังเดิมถูกกองทหารหมิงเผาทำลาย และรื้อถอนออกเพื่อสร้างพระราชวังโบราณหรือพระราชวังต้องห้ามที่เห็นอยู่ในปัจจุบันขึ้นแทนที่ โดยเริ่มสร้างตั้งแต่ค.ศ.1406 แล้วเสร็จในเวลา 14 ปี และถูกใช้งานสืบเนื่องยาวนานมาจนสิ้นสุดราชวงศ์ชิงเมื่อ ค.ศ.1912

ล่าสุด ผู้เชี่ยวชาญของพิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้ามออกมาแถลงว่า ข้อสงสัยกว่าสหัสวรรษนี้กำลังจะได้รับการพิสูจน์ เพราะระหว่างที่มีการขุดเพื่อการซ่อมแซมระบบพลังงานในชั้นใต้ดินและระบบป้องการเพลิงไหม้ของพระราชวังต้องห้ามได้พบหลักฐานบางอย่าง

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าการก่อสร้างตลอดกว่า 600 ปี ได้ค่อยๆ ทับถมจนซากของพระราชวังสมัยราชวงศ์หยวนร่นลึกลงไปในชั้นดินกว่า 3 เมตร ซึ่งการค้นพบด้วยความบังเอิญจากการก่อสร้างนี้ได้เผยให้เห็นชั้นดินที่ลึกต่อจากยุคชิงและหมิง มีซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้างเก่าแก่อัดแน่นอยู่ในชั้นดิน

นายหวัง กวงเย้า ผู้อำนวยการใหญ่ของพิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้ามระบุว่า ฐานของอาคารพระราชวังเดิมที่ค้นพบนี้ทอดแนวอยู่ตรงกลางพระราชวังต้องห้ามทางทิศทิศตะวันตก ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับเคย
ค้นพบที่ซากเมืองโบราณ “จงตู”  
ที่จางเจียโข่ว มณฑลเหอเป่ย 
ซึ่งเป็น 1 ใน 4 เมืองหลวงสมัยราชวงศ์หยวน

เศษซากอาคารโบราณบางชิ้นมีอายุย้อนไปไกลถึงสมัยราชวงศ์เหลียว (ค.ศ.907-1125) และราชวงศ์จิน (ค.ศ.1115-1234)“ฐานอาคารขนาดใหญ่ที่ค้นพบได้ยากนี้ น่าจะต้องรองรับห้องโถงที่หรูหราและสำคัญอย่างแน่นอน” นายหวังกล่าว
“การค้นพบครั้งนี้ยังไม่สามารถยืนยันอะไรได้มาก แต่อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้เชื่อได้ว่าพระรางวัง
ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นที่อื่น แต่อยู่ที่นี่

“ซึ่งการค้นพบในครั้งนี้ก็เป็นเครื่องยืนยันถึงแกนกลางของเมืองหลวงปักกิ่งที่เถียงกันมาตลอด เพราะหลายคนเชื่อว่าการวางผังเมืองที่มีสถานที่สำคัญไล่เรียงกันทอดยาวจากทิศใต้สุดคือ “ประตูยงติ้ง” 
ต่อมาที่ “หอไหว้ฟ้าเทียนถาน”  
ประตูเฉียนเหมิน จัตุรัสเทียน
อันเหมิน พระราชวังต้องห้าม พระราชวังจงหนานไห่
(ปัจจุบันคือทำเนียบผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน) จนมาสิ้นสุดที่หอหลองและหอระฆังในระยะทาง 7.8 กิโลเมตรนี้ ไม่ได้เริ่มมีขึ้นแค่ในสมัยรางวงศ์หมิง แต่มีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์หยวนแล้ว”

แต่ “นายหวัง กวงเย้า” ก็ยังไม่สรุปว่าราชวงศ์หยวน หมิง และชิง สร้างเมืองตามความเชื่อของเส้นแกนเมืองเดียวกัน“
ในฐานะของโบราณคดี เราจะยังไม่สรุปอะไรจากสิ่งที่พบนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีประโยชน์ เพราะหลักฐานนี้จะนำทางให้เราค้นพบสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าในอนาคตและการขุดค้นในพื้นที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของประเทศอย่างพระราชวังต้องห้าม ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้รับการอนุญาตให้ขุดค้นเพิ่มเติมจากรัฐบาล

สิ่งที่ทำได้ในขณะนี้คือ รอคอยและค่อยๆ เก็บหลักฐานจากแหล่งนี้ให้ได้มากที่สุดก่อน เพื่อที่วันหนึ่งจะสามารถนำหลักฐานทุกชิ้นมาร้อยเรียงต่อกันเป็นเรื่องราวได้”

รายการบล็อกของฉัน

 hellomanman  happy-topay  invite-buying
 men-women-apparel diarylovemanman news-the-world
 homemanman alovemanman
 menmen-love
 ghost-in-manman  U.F.O.manman fishmanman
foodmanman  flowermanman herbs-in-manman
devilmanman herbs-in-manman manman clip