Chang the Chinese Giant
ค้นหา
ในอดีตสมัยที่ผู้คนยังไม่รับรู้เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและความรู้ด้าน
การแพทย์ยังไม่ก้าวหน้าเช่นทุกวันนี้ มีการแสดงชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมในโลกตะวันตก เรียกว่า “ฟรีคโชว์” Freak show คำว่า ฟรีค หมายถึง ประหลาด พิลึกหรือวิตถาร ฟรีคโชว์จึงเป็นการนำมนุษย์ที่มีลักษณะทางกายภาพผิดปกติมาแสดงและเรียกเก็บเงินค่าเข้าชม อาศัยความผิดเพี้ยนแปลกประหลาดมาสร้างความตื่นตะลึงให้แก่คนดู ด้วยการจัดแสดงมนุษย์เหล่านี้ราวกับว่าพวกเขาเป็นสัตว์ประหลาด ทั้งที่จริงๆแล้วความผิดปกติโดยมากเกิดจากโรคร้าย ความพิการ หรือสาเหตุซึ่งมีคำอธิบายทางการแพทย์
ฟรีคโชว์กลายเป็นธุรกิจที่เฟื่องฟูในช่วงศตวรรษที่ 19 ชาวตะวันตกที่เดินทางมาถึงเอเชียเมื่อพบคนที่มีลักษณะร่างกายแปลกประหลาด ก็ชักชวนให้เดินทางไปแสดงตัวในตะวันตก โดยมีการทำสัญญาให้ค่าจ้าง เช่น แฝดอิน-จัน ชาวไทยเชื้อสายจีนจากสมุทรสงคราม ซึ่งถูกนำไปเดินสายโชว์ตัวในอเมริกาและยุโรป มีชื่อเสียงโด่งดังจนกลายเป็นที่มาของคำว่า Siamese twins หรือ แฝดสยาม นอกจากนี้ ยังมีชายชาวจีนรูปร่างสูงผิดปกติผู้ถูกขนานนามว่า Chang the Chinese Giant หรือ นายชางยักษ์ชาวจีน
ตามประวัติ Chang the Chinese Giant มีชื่อภาษาจีนว่า จานซื่อชาย 詹世钗 เกิดในทศวรรษ 1840 ซึ่งเป็นช่วงปลายราชวงศ์ชิง เกี่ยวกับสถานที่เกิดของเขา มีข้อมูลแตกต่างกันออกไป บ้างก็บอกว่าเกิดที่เมืองฝูโจว มณฑลฮกเกี้ยน บ้างก็บอกว่าเกิดที่ปักกิ่ง และบ้างก็ว่ามาจากตำบลอู้หยวน มณฑลอันฮุย แหล่งข้อมูลส่วนใหญ่ระบุว่าเขามีความสูงราว 8 ฟุต (244 ซม) แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัดเกี่ยวกับตัวเลขนี้ โดยทั้งพ่อและพี่ชายต่างก็ความสูงใกล้เคียงกับเขา
จากรูปภาพที่แพร่หลายจะเห็นได้ว่าจานซื่อชายสวมชุดขุนนางอยู่เสมอ แต่จริงๆแล้วจางไม่เคยรับราชการ เดิมเขาทำงานเป็นช่างผลิตน้ำหมึกอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ บังเอิญวันหนึ่งได้พบชาวอังกฤษหัวการค้าซึ่งเกิดความสนใจในตัวจาน และว่าจ้างให้เขาสวมชุดขุนนางแมนจูไปโชว์ตัวตามที่ต่างๆ
ในปี 1865 จานซื่อชายได้เดินทางออกจากเมืองจีนครั้งแรกเพื่อไปโชว์ตัวที่ลอนดอน การปรากฏกายของจานได้รับการตอบรับเหนือความคาดหมาย จนต้องขยายเวลาการแสดงตัวในอังกฤษออกไปถึงสองปี หลังจากนั้นเขาก็ได้เดินสายโชว์ตัวไปตามประเทศต่างๆ จากยุโรปไปจนถึงออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอเมริกา โดยถูกเรียกว่า “Chang the Chinese Giant” รายงานระบุว่าระหว่างการโชว์ตัวในอเมริกา เขาได้ค่าจ้างถึงเดือนละ 500 ดอลล่าร์สหรัฐ โดยมีผู้จัดการคือ P.T. Barnum ซึ่งเป็นคนเดียวกันกับผู้จัดการของแฝดอิน-จัน
ระหว่างการโชว์ตัว จานซื่อชายจะสวมใส่ชุดแบบต่างๆทั้งชุดขุนนางจีน ชุดนักรบมองโกเลีย และเครื่องแบบทหารฝรั่งเศส บางครั้งจะจับคู่โชว์ตัวพร้อมกับคนแคระเพื่อขับให้ความสูงดูโดดเด่นยิ่งขึ้น จานจะเริ่มต้นการโชว์ตัวด้วยการนั่งบนเก้าอี้ รอจนผู้ชมเข้ามาเต็มห้อง แล้วจึงลุกขึ้นยืนเพื่อให้คนดูตกตะลึงกับรูปร่างมหึมาของเขา จานยังเดินสายพร้อมกับภรรยาชื่อว่า Kin Foo ซึ่งบางแหล่งข้อมูลก็ระบุว่าหญิงคนดังกล่าวแท้จริงแล้วไม่ใช่ภรรยา แต่ถูกจ้างมาให้รับบทบาทเจ้าสาวผู้ภักดีของจาน ภายหลัง Kin Foo ได้เสียชีวิตลง
การได้ออกเดินทางไปยังประเทศต่างๆ ทำให้จานซื่อชายมีความรู้กว้างขวาง และได้เรียนรู้ภาษาต่างประเทศ บางรายงานก็อ้างว่าเขาพูดได้มากถึงหกหรือสิบภาษา ระหว่างการโชว์ตัวในออสเตรเลีย จานได้พบรักกับหญิงชาวอังกฤษชื่อ Catherine Santley โดยทั้งสองได้แต่งงานและมีลูกชายด้วยกันสองคน
จานจบชีวิตการเดินสายโชว์ตัวเมื่อปี 1878 เขาได้กลับไปเมืองจีนเป็นระยะเวลาสั้นๆจากนั้นก็นำครอบครัวย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ที่เมือง Bournemouth ประเทศอังกฤษ ถือเป็นชาวจีนยุคแรกๆที่อพยพไปอยู่ในยุโรป จานใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับครอบครัวที่เมือง Bournemouth
โดยเปิดร้านน้ำชาและนำเข้าของโบราณจากเมืองจีนมาขาย แต่ในปี 1893 เกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้นเมื่อ Catherine ได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นเพียงสี่เดือน จานก็เสียชีวิตตามภรรยาไปด้วยความตรอมใจขณะมีอายุราวห้าสิบปีเท่านั้น
ในงานศพ เพื่อนของจานชื่อว่า William J.Day ได้กล่าวคำไว้อาลัยแด่เขา โดยบรรยายว่าจานซื่อชายเป็น“ยักษ์ที่อ่อนโยน” ผู้เปี่ยมไปด้วยความจริงใจและควาเมตตา